Pages

Wednesday, September 5, 2012

Overtraining คืออะไร

Overtraining ก็คือ เมื่อเราออกกำลังกายอย่างหักโหม โดยไม่ให้ร่างกายมีเวลาพัก ฟื้นฟู ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ มันจะส่งผลให้ประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งของร่างกายลดลง แอนก็เคย overtrained เช่นกัน ขอบอกว่า มันไม่สนุกเลย

เครดิตภาพจาก builtlean.com



เมื่อ2 ปีก่อน แอนออกกำลังกายแบบ HIIT(High Intensity Interval Training) เน้น bodyweight มีวิ่ง/เดินด้วย  อาทิตย์ละ 5-6 วัน ช่วง 3-4 เดือนแรก เห็นผลดีมาก เริ่มเห็นกล้ามเนื้อตามแขน หลัง ขา และหน้าท้อง แต่ยังไม่พอใจ คิดว่า more is better คราวนี้ บางวัน จะออกกำลังกายแบบนี้ 2 ครั้ง เพราะคิดว่า มันแค่ 12-15 นาที ร่างกายเรารับไหวอยู่แล้ว

อันนี้เป็นรูปที่เริ่มออกกำลังกายช่วง 3-4 เดือนแรก
                                         

พอเข้าปีที่ 2 เริ่มรู้สึกว่า เออ ทำไมกางเกงมันเริ่มคับๆเนี่ย จากที่เคยมี energy สู้รบปรบมือกับลูกสองคน มันกลายเป็นว่า นอนตื่นมาก็เหนื่อย ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัว ตอนนั้นคิดว่า กาแฟ และ การออกกำลังกายเท่านั้นที่ช่วยเราได้ ก็ไปออกกำลังกายนะคะ ออกเหมือนเดิม แต่เริ่มรู้สึกว่า ฟอร์มมันเริ่มตก เช่นวิดพื้น(push up) จากที่อกเคยติดพื้น ก็กลายเป็น Half push up ไป, เหนื่อยง่าย เวิร์คเอาท์ได้แค่ครึ่งทาง พักดื่มน้ำหลายยก ฯลฯ แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า คงเพราะนอนไม่พอมั้ง อาหารก็เริ่มจะเคร่งขึ้นนิด แถมบางวันกินน้อยอีก เพราะมันเหนื่อย ทำให้เบื่ออาหารไปเลย  (อย่าทำตามเด็ดขาด ถ้าเราเหนื่อย...เหนื่อยนะคะ ไม่ใช่ขี้เกียจ/ไม่อยากทำ ฟังร่างกาย แล้วพักซะ) ผลที่ได้ก็คือ ช่วงเดือน เมษาปีที่แล้ว แอนต้องหยุดออกกำลังกายยาว 2 อาทิตย์ เพราะร่างกายไม่ไหว เหนื่อย หมดแรง เบื่ออาหาร แล้วพาลทำให้ไม่อยากออกกำลังกายไปซะงั้น ใช้เวลาเยียวยา เรียกแรงบันดาลใจให้กลับมาฮึดอีกรอบ...เป็นบทเรียนราคาแพงที่จำไปนานเลยล่ะค่ะ

อาการของ Overtraining ได้แก่

Physical Signs & Symptoms
 
  1. Chronic muscle soreness or joint pain อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ข้อต่อเรื้อรัง
  2. Frequent minor infections ป่วยบ่อยมากขึ้น อาจจะไม่ป่วยมาก แต่มักมีอาการ ปวดหัว เจ็บคอ น้ำมูกไหล เหมือนจะเป็นไข้ เป็นหวัด
  3. Exhaustion เหนื่อยล้า ตื่นมาก็รู้สึกเหมือนนอนไม่พอ
  4. Weight loss/gain น้ำหนักลด หรือเพิ่มโดยไร้สาเหตุ
  5. Appetite loss เบื่ออาหาร
  6. Increased thirst or dehydration รู้สึกกระหายน้ำอยู่ตลอดเวลา
  7. Intolerance to exercise ไม่สามารถออกกำลังกายได้เสร็จ หรือหยุดออกกลางคัน
  8. Decreased performance ความแข็งแกร่งร่างกาย กล้ามเนื้อลดลง
  9. Delayed recovery from exercise ร่างกายใช้เวลานานกว่าปรกติในการพักฟื้นระหว่างแต่ละเวิร์คเอาท์
  10. Fatigued, tired, drained, lack of energy เหนื่อย ง่วงเหงา หาวนอนตลอดเวลา
  11. Reduced ability to concentrate ไม่ค่อยมีสมาธิ
  12. Lack of motivation ความอยากที่จะออกกำลังกายหดหายไป
  13. Irritability หงุดหงิดง่าย
  14. Anxiety สับสนกระวนกระวาย
  15. Depression ซึมเศร้า
  16. Headaches ปวดหัว
  17. Insomnia นอนไม่หลับ
  18. Felling jittery ใจสั่น
หลังจากหยุดพักยาว ได้ข้อคิดเยอะ เปลี่ยนมุมมองของการออกกำลังกายไป ตอนนี้แอนสนุกกับการออกกำลังกายมากขึ้น ไม่เคร่งเครียดเหมือนเมื่อก่อน ออกกำลังกายเพราะรักร่างกาย สุขภาพของเรา :)
 
เพื่อนๆที่อ่านล่ะค่ะ เคยมีประสบการณ์แบบนี้มั้ยคะ?? ถ้าเคย มีวิธีรับมือยังงัยบ้าง???  ทิ้งคอมเม้นท์ไว้ได้ค่ะ

แอน

ติดตามอัพเดทของบล็อกได้ทาง Drop Dead Healthy Facebook Page

อ้างอิงจาก
www.lovingfit.com
www.marksdailyapple.com
www.builtlean.com

2 comments:

  1. คุณแอน มาอ่านตรงนี้เพราะเป็นอาการovertraining ครั้งนี้เป็นครั้งที่2แล้วคะ. บ้ามากๆ จน
    เกิดอาการทั้งหมดที่บอกมา ตัวบวมด้วย ครั้งแรกท้อ หยุดเลยคะ 1ปี แล้วกลับมาใหม่เป็นอีกรอบตัวบวมเพลีย นอนเท่าไกร่ก็ไม่พอ. มาอ่านตรงนี้ แสงสว่างเกิดขึ้น ไม่ท้อแล้วคะ

    ReplyDelete
  2. เป็นแบบนี้ครั้งนี้ครั้งที่2แล้วคะ. ครั้งแรกปีที่แล้ว ตัวบวม เกิดอาการovertraining แล้วเลิก ปีนี้เป็นอีก แต่รู้สาเหตุแล้วคะ และจะweight ต่อไปคะ(มีแต่คนล้อว่าจะเป็นนักกล้ามเหรอ)

    ReplyDelete