Pages

Saturday, November 17, 2012

เหตุผลที่ทำไมคุณยังลดน้ำหนักส่วนเกินได้ไม่สำเร็จ

สวัสดีค่ะ

น้ำหนักส่วนเกินในที่นี้ แอนหมายถึง"ไขมัน" นะคะ เพราะ ถ้าคุณต้องการลดน้ำหนักจริงๆ แค่ตัดแขน ตัดขา ออกไป น้ำหนักก็หายไปได้ในพริบตา แต่ในความเป็นจริง คงไม่มีใครทำแบบนั้นแน่นอนใช่มั้ย :)
หลายๆคนที่กำลังต้องการลดไขมันส่วนเกิน อาจจะเกิดอาการท้อใจ เพราะคิดว่า อืม เราก็ทานอาหารที่มันคลีนมากขึ้น ออกกำลังกายก็ออก จะทำยังงัยต่อไปดี?? ดังนั้นบล็อกนี้ขอรวมรวมเอาประสบการณ์ที่ผ่านมาตอบคำถามนี้

1. คุณใจร้อนเกินไป
ข้อนี้เป็นเหตุผลหลักอันดับ 1 การันตีได้เลย
การที่คุณจะเห็นผลลัพธ์หรือการเปลี่ยนแปลง คุณต้องมีความอดทน อดทนที่จะทำติดต่อกันสม่ำเสมอ  แต่ละคนความหมายของ"ความอดทน"ก็แตกต่างกันออกไป บางคนเพียงแค่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย ทานอาหารที่คลีนมากขึ้นได้อาทิตย์นึง แต่ชั่งน้ำหนักทุกวัน เดินผ่านกระจกทีก็ต้องยกเสื้อขึ้นดูหน้าท้องตัวเองว่ามันลดหรือยังนี่วันละหลายๆรอบ ...
เข้าใจค่ะ เคยผ่านตรงนี้มาเหมือนกัน แต่อยากจะบอกคุณว่า "ความสม่ำเสมอ" เท่านั้น ที่จะทำให้คุณเห็นผล เห็นการเปลี่ยนแปลง คือ ถ้าคุณออกกำลังกายตามอารมณ์ ว่างก็ออก ไม่ว่างชั้นก็ไม่อยากออก เดือนนึงออกครั้งสองครั้ง อันนี้มั่นใจได้เลยว่า คุณคงไม่เห็นผลลัพธ์หรอกค่ะ
ในทางกลับกันความสม่ำเสมอในที่นี้ ก็ไม่ได้หมายถึงว่า คุณต้องลากตัวเองไปยิมทุกวัน สิงสถิตในยิมวันละ 3-4 ช.ม. นับแคลอรี่เอาเป็นเอาตาย

  
ความสม่ำเสมอที่พูดถึงก็คือ
1. โภชนาการที่ถูกต้อง และเพียงพอ คุณไม่จำเป็นต้องสตริค 24/7 แต่ควรจะทานผัก ผลไม้ให้หลากหลาย โปรตีน คาร์บ ไขมันให้เพียงพอ ตรงนี้อาทิตย์นึง 80-90% รักษาให้ดี ส่วนที่เหลือ 10%-20% คุณสามารถเอ็นจอยอาหาร ขนมที่คุณชอบได้

2. การออกกำลังกายให้เป็นกิจวัตร ทั้งคาร์ดิโอ+เวทเทรน อาทิตย์ละ 4-5 วัน หรือ3-4 วันตามแต่ lifestyle คุณจะอำนวย บางคนออกกำลังกายแค่อาทิตย์ละ 3 วัน ก็สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ดีไม่แพ้กับคนที่ออกอาทิตย์ละ 5-6 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหนัก(intensity) และประเภทของการออกกำลังกาย

ออกกำลังกายและโภชนาการที่ดีนั้น ต้องทำควบคู่กันทั้งสองอย่าง 2 ข้อนี้ จะใช้เวลาเป็นเดือนๆ หรือเป็นปีๆ ไม่ใช่แค่วันสองวัน หรืออาทิตย์ กำแพงเมืองจีนไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว ฉันใดก็ฉันนั้นค่ะ

ถ้ามีคนมาบอกคุณว่า คุณสามารถลดน้ำหนัก ลดไขมันได้ภายในเวลาอาทิตย์นึง เดือนนึงอย่าไปฟัง เค้าหลอกลวง และมันส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะว่าอะไร แอนเคยเขียนไว้ที่ บล็อกนี้
ดังนั้น สิ่งเดียวที่จะช่วยให้คุณประสบผลสำเร็จคือ ความอดทน+ความสม่ำเสมอ อย่างโบราณเค้าว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงาม คิดว่ามันเป็น Life long journey คุณได้เลือกเดินทางนี้แล้ว ก็ค่อยเป็นค่อยไป เรียนรู้ร่างกาย ระบบย่อยอาหารของคุณว่าอะไรใช้ได้ผล อะไรทำแล้วไม่ได้ผล กินมากน้อยแค่ไหน เราแพ้อาหารอะไรหรือเปล่า สังเกตุให้เยอะๆ ถ้าคุณทำแล้วรอผลลัพธ์อยู่ ขอให้อย่าหมดกำลังใจ ทำต่อไป รออีกสักนิด ศึกษาหาข้อมูลให้เยอะๆ
ดังนั้น ให้กำลังใจตัวเองให้มากๆ เพราะถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นผลลัพธ์ในกระจกทันที แต่ผลลัพธ์ที่คุณรู้สึกได้ทันทีเช่น อารมณ์คุณแจ่มใสขึ้น มีเรี่ยวแรงมากขึ้น นอนหลับสบายขึ้น ฯลฯ  ตรงนี้สำคัญยิ่งกว่ารูปร่างอีกนะคะ

2. ทัศนคติคุณยังเหมือนเดิม
ถ้าคุณคิดว่า การทานอาหารเพื่อสุขภาพ( Clean eating) นั้น มันคือการลด ละ เลิก อาหารที่คุณชื่นชอบ, เป็นการทานอาหารที่จืดชืด ไร้รสชาด หรือ การออกกำลังกายคือการทรมานตัวเอง ไม่อยากจะเหนื่อย เหงื่อออก ตัวเหม็น ไม่อยากปวดเมื่อยในวันรุ่งขึ้น...คุณแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลยล่ะคะ
เราคิดยังงัย บอกกับตัวเองยังงัย ผลมันก็จะออกมาเป็นอย่างนั้น เช่น ถ้าคุณคิดว่า ออกกำลังกายมันยาก หาเวลาไม่ได้...ก็ไม่ต้องแปลกใจนะคะ เพราะ คุณก็จะไม่คิดจะหาเวลาออกกำลังกายหรอก หรือถ้าคุณส่องกระจก แล้วพูดกับตัวเองว่า ทำไมต้นขาถึงเป็นโต๊ะสนุ๊กแบบนี้ ต้นแขนทำไมล่ำแบบนี้...คุณก็จะมองเห็นรูปร่างคุณเป็นอย่างที่คุณคิด ทั้งๆที่คนอื่นที่มอง เค้าอาจจะมองว่า โห เค้าทำยังงัยเนี่ย แขนเฟิร์มมากๆ สะโพกเป็นสะโพก ก้นเป็นก้น น่าอิจฉาจัง  คนอื่นเค้าไม่มานั่งเอาแว่นขยายจับผิดเล็กๆน้อยๆหรอกนะคะ มีแต่ตัวเรานี่แหละ (แต่ถ้าใครมาค่อนขอด ก็เชิดใส่ไป อย่าได้แคร์ :) )
ดังนั้น หากคุณต้องการจะเห็นความเปลี่ยนแปลง...ให้เริ่มต้นที่ความคิดทัศนะคติตัวเองก่อน  คิดบวกให้เยอะๆ ไอ้ที่ชอบพูดจิกกัดตัวเอง เลิกซะ มองหาจุดเด่น มองข้ามจุดบกพร่อง


เรื่องโภชนาการ การทานอาหารเพื่อสุขภาพ หลายๆคนคิดว่า มันคือการคุมอาหาร กินไอ้นี่ก็ไม่ได้ เดี๋ยวอ้วน ลองเปลี่ยนแนวคิดดู คิดว่า การที่เราเลือกทานแบบสุขภาพเนี่ย มันช่วยส่งเสริมการออกกำลังกาย วิตามินแร่ธาตุในผักผลไม้ ช่วยซ่อมแซมเซลล์ สร้างกล้ามเนื้อ ทำให้เรารู้สึกดี คือโฟกัสในสิ่งที่เรากินได้ ควรกิน มากกว่าไปโฟกัสที่อาหารนี้ ห้ามกิน อีกอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องสตริคตลอดเวลา (ยกเว้นคุณจะเข้าแข่งขัน Figure competitor นะคะ อันนั้นอีกเรื่องนึง) ตึงเกินไปก็ไม่ดี เดี๋ยวจะมีปัญหา Binge eating(ตบะแตก) ได้ ถ้าตามปรกติ คุณทานคลีน ทานครบ 5 หมู่ พวกขนมหวาน ของทอดๆ ฯลฯ ก็ทานได้บ้าง เอาแค่หายอยาก แอนมีวันหนึ่งวันในอาทิตย์ที่จะเก็บไว้กิน ขนมอร่อยๆ พิซซ่า ทาโก้ ในความคิดการทำแบบนี้มันช่วยบาลานซ์นะคะ ได้เอ็นจอยชีวิตด้วยอ่ะ


การทานอาหารแบบคลีนมันไม่จำเป็นต้องจืดชืดไร้รสชาดนะคะ Get creative หาสูตรสุขภาพอร่อยๆตามอินเตอร์เน็ต พิมพ์ลงกูเกิ้ลไป Clean eating recipes หรือในบล็อกแอนก็มี อีกอย่างผัก ผลไม้เป็นของดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย ทานไปเถอะค่ะ

3. คุณทานโปรตีนไม่เพียงพอ
คุ้นมั้ย??
ตอนเช้า ทานกาแฟ ผลไม้ อาจจะมีขนมปังโฮลวีทเข้ามาหน่อย
สายๆ แอ็ปเปิ้ล โยเกิร์ตรสผลไม้(น้ำตาลชัดๆ) ถั่วอัลมอนด์
กลางวัน สลัดไก่ย่าง
หลังออกกำลังกาย นมแก้วนึง ผลไม้ชิ้นนึง
เย็น น้ำพริกผักนึ่ง ปลา ข้าวสวยถ้วยเล็กๆ

ผู้หญิงเราส่วนมาก เวลาต้องการลดน้ำหนัก นอกจากจะตัดแคลอรี่ซะฮวบฮาบแล้ว ยังมีความคิดผิดที่ว่า ทานโปรตีนเยอะ จะอ้วน จะล่ำ
ยกตัวอย่าง คุณหนัก 135 พาวน์(58 กิโล) นักโภชนาการมักจะแนะนำว่า คุณควรจะทานโปรตีนอย่างต่ำ 100 กรัม/วัน หรือว่า น้ำหนักพาวน์/โปรตีนกรัม  นั่นคือโปรตีน 135 กรัม/วัน

โปรตีนในที่นี้คือโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่ ผลิตภัณท์นม โปรตีนจากขนมปังโฮววีท พาสต้า ไม่นับนะคะ

เนื้อสัตว์เช่นอกไก่ขนาด 4 oz. จะมีโปรตีนประมาณ 24 กรัม  ไข่ 1 ฟอง มีโปรตีน 6 กรัม ดังนั้น หากคุณทานตามเมนูข้างบน วันนึงคุณจะได้รับโปรตีนแค่ประมาณ  48 กรัม จากมื้อเช้า กลางวัน เย็น และสแน็ค 2 มื้อ ซึ่งห่างจากเป้าหมายที่ควรได้รับเกือบเท่าตัว
อกไก่ ขนาด6 oz. ผักอบ อโวคาโด้


คนที่ทานโปรตีนอย่างเพียงพอนั้น นอกจากจะสามารถรักษามวลกล้ามเนื้อ( lean muscle mass) ได้แล้ว เวลาต้องการลดไขมันนั้น จะทำได้ง่ายมากกว่าคนที่ทานโปรตีนไม่เพียงพอ

กฏก็คือ ทานโปรตีนอย่างน้อย 1 กรัม/ น้ำหนักตัว 1 พาวน์ ถ้าคนที่เทรนหนักๆ ทานได้ 1.2-1.5 กรัมของโปรตีน/น้ำหนักตัว 1 พาวน์

4. คุณทำคาร์ดิโอมากเกินไป
มาถึงข้อนี้ คนที่ชอบวิ่ง อย่าเพิ่งปิดจอไปนะคะ :)
ไม่ได้บอกว่า ห้ามวิ่งอีกแล้วในชีวิตนี้ เพราะตัวแอนเอง ก็ชอบวิ่ง แต่ที่จะบอกก็คือ คุณเชื่อหรือไม่คะว่า การทำคาร์ดิโอมากเกินไป มันมีส่วนทำให้การลดไขมันคุณไม่ประสบผลสำเร็จ...แม้ว่าโภชนาการคุณจะดีเยี่ยม 100%
เพราะว่า ตามความเป็นจริงแล้ว ร่างกายของเราถูกสร้างมาเพื่อเก็บสะสมไขมันไว้ใช้ ไม่ใช่เพื่อเผาผลาญไขมัน ถ้าคุณคำนวณแคลอรี่ที่เบิร์นไปจากคาร์ดิโอ คุณเบิร์นเยอะกว่ากิน แต่ทำไมคุณยังไขมันไม่ลด หรือน้ำหนักลดแต่ยังเผละ คำตอบก็คือ ฮอร์โมน

อย่าเป็นเหมือนตัวการ์ตูน Homer :)


การทานน้อยกว่าเบิร์น ทำคาร์ดิโออย่างหนัก ส่งผลให้ร่างกายเราสร้างฮอร์โมน cortisol ขึ้นมา(cortisol- dominant state )การที่ร่างกายเรามีฮอร์โมนตัวนี้มากเกิน จะส่งผลให้

1. ร่างกายเราสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ และเมื่อเราสูญเสียกล้ามเนื้อ เปอร์เซ็นไขมันในร่างกายก็จะสูงขึ้น (higher bodyfat %) Cortisol เป็นฮอร์โมนชนิดสลาย( catabolic hormone) คือจะทำหน้าที่สลายไขมัน,และ ...กล้ามเนื้อด้วย ตรงนี้ลองนึกภาพนักวิ่งมาราธอนดูนะคะ ส่วนมาก แขน ขาจะเล็ก เห็นกล้ามเนื้อชัดจริง แต่มีกล้ามเนื้อน้อยมาก ถ้ามีไขมันส่วนเกิน จะไปสะสมที่เอว เพื่อนๆที่คุยกัน เคยบ่นให้ฟังว่า เค้าวิ่งมานานมาก ทั้งมาราธอนและ half-marathon แต่ยังมีปัญหาไขมันสะสมที่หน้าท้อง....นี่คือเหตุผลน่ะค่ะว่า ทำไมการทำคาร์ดิโอเยอะเกิน ไม่ช่วยลดไขมันในร่างกาย

2. ระดับ Cortisol ที่สูง จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง, ภูมิต้านทานในร่างกายลดลง, ร่างกายบวมน้ำ, ไขมันไปสะสมในร่างกายบริเวณช่วงเอว หน้าท้อง และคนที่มีฮอร์โมนตัวนี้สูงในระยะเวลานานและติดต่อกัน จะเสี่ยงต่อ Hypercortisolemia หรือ Cushing's Syndrome หรือโรคคุชชิง

ที่กล่าวมานั้น กว่าจะเราจะสังเกตได้ หรือรู้ตัว ใช้เวลานาน เป็นเดือนๆหรือปีๆ เพราะมันเป็นอาการสะสม แอนเคยอ่านบทความหลายบทความ พวกที่แข่ง Figure competitors เป็นแบบนี้กันเยอะมาก เพราะ ทั้งตัดแคลอรี่ ทั้งทำคาร์ดิโอกันอย่างหนัก

ดังนั้น หากคุณคิดจะเพิ่มการทำคาร์ดิโอ หรือเทรนวิ่งมาราธอน ควรจะเพิ่มปริมาณแคลอรี่ และคาร์โบ ด้วยนะคะ

5. คุณไม่ยกเวท
ข้อนี้ ต่อเนื่องจากข้อที่แล้วนะคะ
ผู้หญิงเราส่วนมาก เวลาอยากลดน้ำหนัก ลดไขมัน อันดับแรกที่นึกถึงเลยคือ วิ่ง วิ่งสู้ฟัด แต่พอบอกให้ลองยกเวทนะ ส่ายหน้ากันเป็นแถว เพราะว่ากลัวจะกล้ามใหญ่ กลัวกลายร่างเป็น She Hulk
แอนเคยเขียนประโยชน์ของการยกเวท และทำไมผู้หญิงเราจึงควรฝึกยกเวทไว้ที่บล็อกนี้
เชิญคุณผู้หญิงมายกเวทกันค่ะ
แม้ว่าการยกเวทจะเบิร์นน้อยกว่าการทำคาร์ดิโอ แต่ร่างกายเราจะเบิร์นต่อเนื่องไปถึง 24-48 ช.ม. ไม่เหมือนคาร์ดิโอที่พอหยุด ก็ไม่มีการเบิร์นต่อ แล้วยิ่งร่างกายเราสร้างกล้ามเนื้อมากขึ้น เวลาคุณมีหลุดกิน น้ำหนักมันจะไม่เด้งไปเด้งมา เหมือนกับคุณทำคาร์ดิโออย่างเดียว แอนสังเกตุตัวเองนะ ขนาดพักออกกำลังกาย 2 อาทิตย์ หน้าท้องก็ไม่ป่อง ขา แขนก็เท่าเดิม
ขนาดคืนก่อนมีกินมันฝรั่งทอด กับ ไอติม ท้องก็ไม่ป่องนะ :)

แล้วก็อย่ามัวไปนั่งออกกำลังกายกับพวกเครื่อง adbductor/adductor หรือทำซิทอัพเป็นร้อย อย่างเดียว เพื่อหวังจะลดหน้าท้อง ลดต้นขา...ให้ฝึกท่าพวก Squats, Deadlift, Bench press, Pull up ฯลฯ ท่าออกกำลังกายพวกนี้ ร่างกายเราใช้กล้ามเนื้อหลายๆส่วนเวลาออก แทนที่จะเลือกกล้ามเนื้อส่วนเดียว(isolation exercises)  ผลคือ คุณจะทั้งเบิร์นไขมัน สร้างกล้ามเนื้อในเวลาเดียวกัน

6. ลอกอย่างเดียว แต่ไม่ปรับ
เคยเห็นมั้ยคะ นิตยาสารต่างๆ มักมีคอลัมน์ สูตรการทานอาหารของดาราเซเลบที่ช่วยรักษาหุ่นเค้า หรือช่วยลดน้ำหนักเวลาจะเข้าฉากถ่ายหนัง,พวกไดเอ็ทแบบต่างๆที่เราเห็น มักจะเคลมว่า ช่วยทำให้คุณลดน้ำหนัก ลดไขมันได้ ไม่ว่าจะเป็นการทานแบบ Atkins,paleo,IF(Intermitten fasting),carb cycling , เครื่องดื่มโปรตีนลดน้ำหนัก, 7-Day Cleanse หรือแม้กระทั้งกินเค้กเป็นอาหารเช้า !!!

เรามักจะกระโจนใส่ คิดว่า ถ้าเราลองมันทุกๆไดเอ็ทนะ สักวันเราต้องเจอไดเอ็ทอันที่ใช้กับเราได้ผล ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง
เพราะว่า เราชอบที่จะมีคนวางแผนให้ มีคนคอยบอกว่า ต้องทำแบบนี้ กินแบบนี้นะ ถึงจะได้ผล(ไม่เชื่อดูดาราคนดังคนนี้สิ อะไรก็ว่าไป) แต่พอเราทำตาม แล้วมันไม่เวิร์ค ก็โทษไดเอ็ท หรือวิธีการกินแบบนั้นๆ
จะบอกความจริงให้นะคะว่า ไม่มีสูตรไดเอ็ท หรือวิธีการทานอาหารแบบไหนที่จะใช้ได้ผลเป๊ะๆกับคุณ 100% วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ วิธีที่ใช้ได้ผลกับคุณ YOUR PLAN เพราะไม่มีใครที่จะรู้จักระบบร่างกายของคุณดีไปได้กว่าตัวคุณเอง ไม่ใช่เทรนเนอร์ โค้ช หรือนักโภชนาการ น่ะค่ะ

แล้วควรจะทำยังงัยดี?? ถ้าให้แอนแนะนำนะ อยากให้ลองเปลี่ยนไปทีละอย่าง เริ่มทีมื้อ ทีละวันก่อน เช่น
- มื้อเช้า จากปรกติ ทานแค่ซีเรียลกับนม ก็เปลี่ยนมาเป็น ไข่ ผัก ผลไม้เข้าไปด้วย
หรือ
- เข้านอนเร็วขึ้น 1 ช.ม. ตื่นเร็วกว่าปรกติ 1 ช.ม. ตื่นมาเดินออกกำลังกายตอนเช้า
- อาหารว่าง ถ้าที่โต๊ะมีถั่วเป็นกระปุกๆ ทำงานไป เคี้ยวไป เผลอๆหมดกระปุก...ก็เปลี่ยนเป็นแบ่งใส่ถุงเล็กๆ เอาไปถุงละวัน
หรือ
- น้ำสลัด แทนที่จะซื้อแบบขวด หรือกระปุก หรือประโคมใส่ซะเยอะ เพราะเห็นว่าเป็นสลัด ลองเปลี่ยนมาเป็นทำเอง ง่ายๆ น้ำมันมะกอก น้ำเลมอน เกลือ พริกไทย
เป็นต้น


ลองทำสิ่งเหล่านี้ดู ทำติดต่อกันสัก 2-3 อาทิตย์ ให้ติดเป็นนิสัย ไม่รู้สึกฝืนตัวเอง แล้วก็ค่อยเริ่มเปลี่ยนสิ่งอื่นๆ ระหว่างเดียวกัน ก็สังเกตุร่างกายตัวเอง หิวหรืออิ่ม ง่วงหรือรู้สึกมีพลังงานมากขึ้น นะคะ
ทุกอย่าง ใช้เวลา และความพยายาม ความรับผิดชอบ หยุดโทษคนอื่นได้แล้ว หยุดหาข้ออ้างที่ไม่มีเวลา งานยุ่ง ถ้าคุณไม่รู้อะไร ก็ค้นหาข้อมูล เดี๋ยวนีเทคโนโลยีก้าวหน้า แค่เปิดไอโฟน เปิดtablet เปิดคอมพ์ อากู๋ก็รอคุณอยู่ อย่ามัวแต่นั่งบ่น ...ลงมือทำซะนะคะ :)

7. การพักผ่อน ความเครียด

แอนเอามาไว้ข้อสุดท้าย แต่ว่าทั้งสองอย่างนี้ มีความสำคัญมากๆ
แต่ละวัน คุณควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย วันละ 7-9 ช.ม. หากคุณนอนไม่พอ ร่างกายจะลดการตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลิน(Insulin)  ที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และมีการลดการหลั่งฮอร์โมนเลปทิน(Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ยับยั้งความรู้สึกหิว ความรู้สึกอิ่ม และเร่งการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกาย
ส่งผลคือ คุณจะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น หิวบ่อยขึ้น ทานบ่อย หิวบ่อย น้ำหนักก็เลยไม่ลดซะที อีกทั้ง การนอนไม่พอนั้น คุณจะรู้สึก ง่วง เหนื่อย หงุดหงิด เครียด พอเครียด ระดับ cortisole ก็สูงขึ้น ผลคืออะไร ลองกลับไปอ่านข้อ 4 นะคะ

การอดหลับอดนอนนั้น ยังทำให้ร่างกายพลาดโอกาสการสร้าง Growth Hormone หรือ โกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญหากคุณต้องการลดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ

บล็อกนี้ยาวมากๆ หวังว่าคงไม่ตาลายกันซะก่อน สรุป การลดน้ำหนัก ลดไขมัน จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องยากซับซ้อน อย่าคิดมากเกิน ทุกอย่างเริ่มจากพื้นฐาน เริ่มจากตัวคุณเองก่อน การเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต พฤติกรรมการกิน ค่อยๆปรับ ค่อยเป็นค่อยไป อดทนให้มากขึ้น อย่าเพิ่งยอมแพ้ง่ายๆ เหนื่อยก็พัก หายเหนื่อย ก็ลุกขึ้นมาเดินหน้าต่อ เราไม่เดินกลับหลัง:) หวังว่าบล็อกนี้คงเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆคนที่กำลังหาทางออกอยู่นะคะ
                                   

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ มีข้อเสนอแนะ ติชม แชร์ความคิดเห็น โพสคอมเม้นท์ไว้ได้นะคะ

แอน

ติดตามอัพเดทของบล็อกได้ทาง Drop Dead Healthy Facebook Page


3 comments:

  1. พี่แอนคะ คือหนูเป็นคนหนึ่งที่พยายามบอดี้เวทมาหลายครั้งมาก แต่ก็ไม่เคยทำต่อได้เกินสองอาทิตย์เลย ทุกครั้งที่เล่นมันทรมานมาก รู้สึกเหมือนจะขาดใจ หายใจไม่ออก พี่แอนเคยเป็นมั้ยคะ แล้วมีวิธีแก้ไขยังไงบ้างหรอคะ หนูอยากมีกล้ามเนื้อบ้าง เกลียดพุงล่างและต้นแขนตัวเองตอนนี้มากเลยค่ะ

    ReplyDelete