Pages

Sunday, May 20, 2012

แผนการออกกำลังกายสำหรับผู้เริ่มต้น Workout plan for beginners

Workout Plan For Beginners

คำถามที่ได้ยินบ่อยๆก็คือ จะเริ่มยังงัย ออกกำลังกายได้บ่อยแค่ไหน พักวันไหนดี พักนานกี่วัน แอนเอาตัวเองตอนที่เริ่มออกกำลังกายใหม่ๆและข้อมูลจากเว็บ http://www.lovingfit.com/  ทำ
Workout Plan ตัวนี้ขึ้นมาสำหรับคนที่เริ่มออกกำลังกายหรือ Beginners   ซึ่งทุกคนสามารถเอามาปรับใช้ได้ให้เหมาะกับสภาพร่างกายและเวลาที่มีนะคะ

ก่อนที่จะทำแพลนสำหรับการออกกำลังกาย ให้เลือกเอาวันนึงในสัปดาห์นั้นเป็นวันเริ่มต้น เช่น ถ้าเพื่อนๆต้องการจะเริ่มเวิร์คเอาท์อาทิตย์หน้า เลือกมา
1 วัน เป็นวันเริ่มต้น หลายๆคนอาจจะเลือกวันจันทร์ หรือวันเสาร์ แล้วแต่ความสะดวกนะคะ ไม่มีกฏตายตัว
หลังจากเลือกวันและอาทิตย์มาแล้ว นับไป
6 อาทิตย์ แล้วมาร์คไว้ว่าเป็น Training Circle  แนะนำให้หยุดพัก 5 วันทุกๆการเทรน 6 อาทิตย์ ร่างกายและกล้ามเนื้อจะได้พัก ฟื้นฟู เพื่อเป็นการป้องกันอาการบาดเจ็บเนื่องจาก overtain หรือว่าอาการ plateau (ร่างกายไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่นน้ำหนักไม่ลด )
ตารางการออกกำลังกายในแต่ละอาทิตย์อาจจะไม่เหมือนกัน เพราะเราก็มีภาระต่างๆกันไป  แต่พยายามอย่าหยุดห่างไปนาน เพราะร่างกายเราต้องการความสม่ำเสมอนะคะ ไม่งั้นก็ไม่เห็นผลลัพธ์

เริ่มด้วยตารางออกกำลังกายสำหรับ
Beginners

Beginner Level 1
สำหรับกลุ่มนี้ เป็นคนแรกเริ่มออกกำลังกาย ที่หยุดการออกกำลังกายไปตั้งแต่ 1 ขึ้นไป หรือว่าไม่เคยออกกำลังกายเลย Beginners ในกลุ่มนี้
ควร เริ่มต้นออกกำลังกายด้วยการเดินทุกวัน วันละ 20-30 นาที 5 วันต่ออาทิตย์ หรืออาจจะทำ Stretching(การยืดเส้น ยืดกล้ามเนื้อ) วันละ 10-15 นาทีทุกวัน ทำแบบนี้อย่างน้อย 2 อาทิตย์ เพื่อเป็นการปรับสภาพร่างกายให้คุ้นเคย หลังจาก 2 อาทิตย์ ให้เริ่มออกกำลังกายด้วย Bodyweight only อย่าเพิ่งใช้ดัมเบล หรือน้ำหนักแบบอื่น และ ควรหลีกเลี่ยงการเทรนแบบ High Intensity Interval Training( HIIT) Beginner Level 2    สำหรับกลุ่มนี้ คือคนที่ผ่านระดับแรกมาแล้ว มีความคุ้นเคยกับการออกกำลังกายมาพอสมควร เวิร์คเอาท์ที่แนะนำสำหรับเลเวลนี้ ยังเป็น Bodyweight อยู่นะคะ  ทำเป็น sets,reps  ส่วนการเทรนแบบ HIIT เริ่มเทรนได้ แต่ให้ใช้ rest period นานกว่าที่กำหนดไว้ในเวิร์คเอาท์นั้นๆ

ที่แนะนำเวิร์คเอาท์ที่เป็น
Bodyweight ก่อนสำหรับ Beginners ระดับนี้ เพราะว่า เราควรจะสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ Core (กล้ามเนื้อแกนกลางของลำตัว) และเรียนรู้ท่าออกกำลังกายเบื้องต้นที่ถูกต้องก่อนที่จะเพิ่มน้ำหนัก เพิ่มดัมเบลล์หรือบาร์เบล ท่าที่ถูกต้อง(correct forms)นั้นสำคัญมากที่สุด เนื่องจากช่วยป้องกันการบาดเจ็บและทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น  เรียนท่าที่ถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม ดีกว่าออกกำลังกายมาตั้งนานแล้วเพิ่งมารู้ว่าทำผิดตั้งแต่เริ่ม มันจะแก้ยากน่ะค่ะ
ข้อดีอีกข้อของ bodyweight workout คือ เราสามารถทำที่ไหนก็ได้ ใช้เวลาไม่นาน ไม่เกิน 30 นาทีก็เสร็จแล้ว ยิ่งวันไหนเรามีเวลาจำกัด ออกกำลังกายที่บ้านแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัว ขับรถไปยิม ไหนขับรถกลับอีก แค่คิดบางทีก็ไม่อยากทำแล้ว
ก่อนที่จะเริ่มเวิร์คเอาท์แต่ละเวิร์คเอาท์ ควรจะฝึกท่านั้นๆให้คุ้นเคยเสียก่อน ทบทวน จำให้ได้ เพื่อเวลาเราเริ่มเวิร์คเอาท์แล้วจะได้ไม่ติดๆขัดๆ มานั่งเปิดคอมพ์ว่า เอ้อ ท่านี้ทำงัยเนี่ย จำไว้นะคะ Quality over Quantity อย่าเร่งเอาจำนวนท่าให้ครบๆ ทำไปงั้นๆ แล้วมันจะไม่เห็นผล เสียเวลาไปเปล่าๆ
Quick Tip  
หากระจกบานเล็กๆมาสักบาน  เหมือนกระจกแต่งตัวน่ะค่ะ ไม่ต้องใหญ่มาก แอนซื้อจากทาร์เก็ตไม่กี่เหรียญเอง เราจะได้เช็คว่าเราทำท่าถูกต้องมั้ย หลังโก่งหรือว่าหย่อนสะโพกตอนทำท่าวิดพื้นมั้ย หรือว่าหลังแอ่นตอนทำท่า squat มั้ย ตรงนี้ช่วยได้มากๆ 
Workout Plan for Beginner 
Day 1 : Warm up + Full Body Workout +* Light Cardio 10 mins*+ Stretching
Day 2 : Rest or Do light activity ; taking a walk,swimming, playing with your kids
Day 3 : Warm up +  Full Body Workout + *Light Cardio 10 mins* + Stretching
Day 4 : Rest or do light activity…keep your body moving.
Day 5 : Warm up + Full Body Workout + *Light Cardio 10 mins* + Stretching
Day 6 : Rest or do light activity
Day 7 : Rest or do FUN stuffs
J Go trekking,hiking,biking…anything…Keep it fun.
*Light Cardio 10 mins* ตัวนี้สามารถทำได้หลังเวิร์คเอาท์แล้วตามด้วย stretching นะคะ หรือว่าอาจจะทำต่างหากได้หากเวลาไม่เอื้ออำนวย หากทำต่างหาก อย่าลืม stretching หลังออกกำลังกาย Light Cardio อาจจะเป็น เดินเร็ว(brisk walk) วิ่งจ็อกกิ้ง  หรือกระโดดเชือก วิ่งเล่นไล่จับกับลูกๆ ไม่ก็เปิดเพลงที่ชอบ 3-4  เพลง  เต้นคนเดียว หรือจะชวนลูกเล็กเด็กแดงลุกขึ้นมาเต้น ก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด Have fun with it
J
เวิร์คเอาท์แบบ
Full Body หรือใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายนั้น ช่วยเร่งระบบเมตาโบลิซึ่ม ร่างกายจะเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าเวิร์คเอาท์แบบใช้กล้ามเนื้อเฉพาะส่วน(เช่น bicep curl, crunch ) นอกจากเราจะได้เทรนกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายภายในเวลา 30 นาที การออกกำลังกายแบบนี้ถือเป็นคาร์ดิโอได้ด้วยเช่นกัน ควรออกกำลังกายแบบนี้ไม่เกินอาทิตย์ละ 3 วัน โดยมีวันพักคั่นระหว่างวัน
วันรุ่งขึ้นหลังจากออกกำลังกาย ส่วนมากจะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นปรกตินะคะ แต่ถ้าใครไม่ปวดเมื่อย ก็ไม่ต้องกังวลว่า ออกกำลังกายไม่ได้ผลหรือปล่าว มันไม่จำเป็นต้องปวดเมื่อยทุกครั้งไป

ถ้ามีอาการปวดเมื่อย พยายามอย่านั่งๆนอนๆเฉยๆ แม้ว่ามันรู้สึกอยากจะทำแบบนั้น

สิ่งที่ควรทำเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อย
1. ทำกิจกรรมเบาๆ เช่น เดินเล่นออกไปสูดอากาศสดชื่นๆ ว่ายน้ำ ทำโยคะเบาๆ หรือทำการยืดเส้นยืดกล้ามเนื้อ(stretching) จะช่วยให้เลือดและอ็อกซิเจนไหลเวียนไปสู่กล้ามเนื้อได้ดีขึ้น
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ดื่มน้ำขิงก็ช่วยได้เช่นกัน
3. ใช้ heatpad ประคบ
4. อาบน้ำอุ่นผสมเกลือยิปซั่ม

5. พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกาย กล้ามเนื้อเราต้องการการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมกล้ามเนื้อนะคะ อย่าละเลยข้อดีเด็ดขาด

ท้ายที่สุด ถ้าพัก
48 ช.ม.แล้วยังรู้สึกเพลีย หรืออาการปวดเมื่อยยังมีอยู่ พักต่อได้นะคะ อย่าฝืนออกกำลังกาย เพราะมันจะนำไปสู่กล้ามเนื้อบาดเจ็บได้ Always listen to your body
มีคำถาม ข้อสงสัย ทิ้งคอมเม้นท์ไว้ได้ด้านล่างนะคะ

ติดตามอัพเดททางเฟซบุ๊ค Click here

ขนมจีนน้ำยากะทิ แบบเพื่อสุขภาพ

ขนมจีนน้ำยากะทิ แบบเพื่อสุขภาพ

ปลานิลหรือปลาแซลมอนต้มสุก 8 oz. หรือจะใช้ปลาทูน่ากระป๋อง 2 กระป๋องก็ได้
น้ำพริกแกงเผ็ดใต้ 1 ช้อนพูน (โขลกเอง หอมอร่อย) *ถ้าไม่มีแกงเผ็ดใต้ ใช้น้ำพริกน้ำยาได้นะคะ
หัวกะทิ 2/3 ถ้วย
นมมะพร้าว รสจืด Coconut bever...age(original/unsweetened) ยี่ห้อ Silk หรือ So delicious 1-2 ถ้วย
ลูกชิ้นปลาตามชอบ
เกลือ น้ำปลา น้ำตาลปี๊ปนิดนึง
ใบมะกรูดฉีก
ไข่ต้ม
** สูตรนี้ แอนทำได้ 2 ที่นะคะ แบ่งกับฝรั่งที่บ้านคนละจาน

วิธีทำก็เหมือนกับทำน้ำยากะทิทั่วไปนะคะ ตำเนื้อปลากับพริกแกงครึ่งนึง ยีเนื้อให้ละเอียด ผัดพริกแกงที่เหลือกับหัวกะทิให้หอม ใส่เนื้อปลาลงไปผัด เติมนมมะพร้าวลงไป ค่อยๆใส่นะคะ แล้วแต่ใครชอบน้ำแกงเยอะ หรือข้นๆ...แอนชอบข้นๆ กินสะใจดี ใส่ลูกชิ้นปลา รอเดือด ปรุงรส ชิมรสตามชอบ ใส่ใบมะกรูดฉีก

ทานกับเส้นขนมจีน หรือเส้น whole wheat angel hair pasta ก็ได้นะคะ แล้วแต่ชอบ 1 Serving ของคาร์โบไฮเดรตพวกแป้งคือ 1 ถ้วยตวง หรือกะเอาประมาณ 1 กำปั้น

เคล็ดลับอยากให้อิ่มไม่เติมรอบสอง ต้องทานคู่กับผักสดเยอะๆ แอนเน้นผักเยอะกว่าแป้ง อยู่ท้องนาน ดีต่อสุขภาพด้วยนะคะ ผักสดสมุนไพร

ติดตามอัพเดททางเฟซบุ๊ค Click here

Wednesday, May 16, 2012

About me. Who am I and Why am I here??

สวัสดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเยี่ยมบล็อกแอน ก่อนอื่นขอท้าวความ เล่าเรื่องของตัวเองก่อนละกัน จะได้รู้ว่า เจ้าของบล็อกเป็นใคร(หลายๆคนอาจจะรู้จักแล้วเนาะ แต่อ่านเล่นพลางๆละกัน)  อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้มาถึงจุดนี้ ทำไมการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจ การเลือกรับประทานอาหาร ถึงเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต พอๆกับการหายใจ ทานข้าว แปรงฟัน

เจ้าของบล็อก ตอนนี้เป็นคุณแม่ลูกสองนะคะ อายุเลข
3 นำหน้า เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกสองคน และสามี  ทำมันทุกอย่างตั้งแต่งานบ้านงานเรือน ยันงานซ่อมบ้านทาสีขอบอกว่าก่อนหน้านี้ แอนไม่เคยให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเลย ทั้งๆที่ตอนทำงานที่เมืองไทย ก็ทำงานที่ฟิตเนสมาสองปี มีความรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการออกกำลังกายบ้าง แต่ด้วยความที่ยังอายุไม่เยอะ ก็ไม่สนใจ อยากกินอะไรก็กิน ทำอะไรก็ทำ ทั้งเที่ยว ดื่ม ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ตามประสาสาวโสด

อันนี้รูปสมัยเอ๊าะๆ อายุ 24 ขวด


จนกระทั่ง แต่งงาน ท้องลูกสาวคนแรก น้องเคลี่ จากที่น้ำหนักไม่เคยเกิน
50 ก.ก. (แอนสูง 165 ซม.น้ำหนักก็ได้สัดส่วนนะ ) น้ำหนักมันพุ่งพรวดไปนู้น 79 ก.กวันคลอด แถมมีอาการครรภ์เป็นพิษ ความดันสูง บวมน้ำ เกือบจะได้ผ่าคลอดซะแล้ว พอลูกสาวคลอด ให้น้องกินนมแม่  น้ำหนักมันก็ลงมาเรื่อยๆ แล้วก็มาหยุดที่ 60  โล ตอนเคลี่อายุ 6 เดือน แล้วมันก็ไม่ลงอีกเลย -_-“ บวกกับ คู่ข้าวใหม่ปลามันนะคะ หัดทำอาหาร ทำขนม สามีก็บ้ายอ เราทำอะไรก็บอก อร่อยหมด ภรรยาอย่างเราก็ดีใจ ได้ใจ ทำใหญ่ รู้ตัวอีกที วันเกิดลูกสาว 1 ขวบ น้ำหนักมันขึ้นไปนู่น 65 ก.ก. เยอะที่สุดในชีวิตแล้ว(ไม่นับตอนท้องนะ).เลยเกิดแรงฮึดว่า ไม่ไหวแล้วล่ะ ต้องลดแล้ว กางเกงก็ยังใส่กางเกงคนท้อง เสื้อตัวใหญ่ๆ อีกอย่าง ลูกก็เริ่มวิ่งแล้ว ไอ้เรา จะไล่จับไม่ทันอีก...อันนี้คุณแม่ๆทั้งหลายคงเข้าใจได้ดีเลยเนาะ
       


ตัดสินใจเด็ดขาดเลยทีนี้ เมนูที่ทำก็เป็น low carb-low fat แป้งน้อยๆ ไขมันต่ำ เอาเวลาลูกนอน หรือแน็ปมาออกกำลังกาย 3 เดือนผ่านไป เห็นผลทันตา น้ำหนักลด เหลือ 55 โล อยากลดอีก 3 โล แต่ทำยังงัยก็ไม่ลด ออกกำลังกายก็แล้ว ลดจำนวนอาหารก็แล้ว...หมดกำลังใจค่ะ ทั้งโหย ไอ้ที่อดๆมาล่ะ อยากินมว้ากกกก เลิกออกกำลังกายเลย หันมากินแบบเดิมๆ เพราะคิดว่า น้ำหนักลดแล้วนี่นา อยากกินอะไรก็กิน แถมกินมื้อดึกอีก น้ำหนักไม่ขึ้นนะ(แอบดีใจ ) แต่ว่ารู้สึก เหนื่อย เพลียง่าย ไม่ค่อยกระฉับกระเฉงเหมือนตอนออกกำลังกาย

รูปนี้ตอนเคลี่ขวบกว่าๆ



ผ่านไปอีก 3 ปี มีน้องชายให้เจ้าเคลี่  เข้าวงเวียนเดิมอีกแล้ว ตอนท้อง เวลาทอง อยากกินอะไร กินดะ กินเพื่อลูกด้วยนี่นา แอบคิดเข้าข้างตัวเอง (ข้ออ้างนะคะคุณแม่ๆ อย่าทำตาม ) น้ำหนักก็ขึ้นจาก 55 โล ไปเท่ากับท้องแรกเลย 79 โล คลอดน้องจี ให้นมแม่อย่างเดียว น้ำหนักเริ่มลง แต่ท้องนี้ ให้ความตั้งใจตัวเองแล้วว่า  จะไม่กลับไปเหมือนเมื่อก่อน ถ้าหมอบอกเริ่มออกกำลังกายได้เมื่อไหร่ จะเริ่มบึ๊ดจ้ำบึ๊ดทันที รับตัวเองไม่ได้อย่างแรงงงงง อีกอย่าง แม่ย่าบอกว่า ยูลูกสองแล้ว ต้องเรียกหุ่นเดิมกลับมานะ จะได้มีแรงเลี้ยงลูกด้วย

หลังคลอดเจ้าจีได้ 3


พอเจ้าจีอายุได้ 4 เดือน แอนหาซื้อซีดีออกกำลังกายอันใหม่ๆมา เพราะที่มีอยู่ มันเก่าอ่ะ เบื่อแล้ว ออกไปก็เบื่อ ทำไม่ได้เต็มที่ ซื้อใหม่บ้าง ยืมแม่ย่าบ้าง ทั้ง Zumba, Tae Bo, Turbo Jam แล้วก็ได้ซีดีของ Jillian Michaels มาสองซีดี ตัวนึงเป็นคาร์ดิโอ อีกตัวเป็นยกเวท  ครั้งนี้ ควบคุมอาหาร กินแต่พออิ่ม ไม่เคร่งเหมือนตอนครั้งแรก


 
4 เดือนผ่านไป น้ำหนักก็ลดลงเกือบเท่าก่อนท้อง คือ 118 พาวน์ แต่อีกแล้วค่ะ โรคเก่ากำเริบ >__< โรค perfectionist ของผู้หญิงเรา อยากจะได้กลับไปเท่าเดิม หมกมุ่นกะตัวเลขบนตาชั่งมากมาย อยากจะให้มันกลับไป 115 พาวน์  เพราะคิดว่า มันเป็นน้ำหนักที่เหมาะที่สุดสำหรับตัวเราแล้ว....เหมือนเดิมเลย ทำยังงัยก็ไม่ลด ชั่งมันทุกวันจนตาชั่งจะพัง  ออกกำลังกายก็ยังออก ลดอาหาร อดข้าวเย็น...ตัวเลขก็เท่าเดิม...ท้อเลยทีนี้ หมดความตั้งใจอีกแล้ว...เบื่อซีดีเก่าๆ ทำซ้ำๆเดิมๆ ก็กลับไปกินแบบเดิม กินจุบจิบ มีกินพวกอาหารจีนด้วยนะ ทุกวันศุกร์ เพราะขี้เกียจคิดเมนูทำอาหาร อีกอย่าง อาหารจีนมันถูกด้วยล่ะค่ะที่นี่ ชุดนึง 5.99 เหรียญเอง กินได้สองมื้อ แบ่งลูกกินอีก  2-3เดือนผ่านไป น้ำหนักมันเด้งกลับคืนมาอีก 5 โล...โยโย่เอฟเฟ็ค งัยคะ คราวนี้ สัญญากับตัวเองว่า ต้องหาวิธีที่ทำให้เราออกกำลังกายได้สม่ำเสมอซะที เบื่อกับน้ำหนักขึ้นๆลงๆแบบนี้แล้ว

เกือบปีผ่านไป มาวันนึง นั่งดูโน่นนี่ในเน็ต คือ ใจจริง อยากหาเวิร์คเอาท์ใหม่ๆ ซีดีใหม่ๆ ก็มาสะดุดกับเว็บไซเว็บนึง เจ้าของเว็บเค้าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ว่าหุ่นดี แล้วก็แข็งแรงมาก ทำ
Pull ups/Push ups ได้ดูแบบง่ายๆมาก ประทับใจเค้าสุดๆ คิดว่า เราน่าจะทำแบบเค้าได้นะ ถ้าเค้าทำได้ เราก็ทำได้
เวิร์คเอาท์เป็นการใช้
bodyweight หรือใช้แค่ตัวเรานี่แหละค่ะ อย่างเดียว ไม่มีอุปกรณ์อื่นเลยนอกจาก นาฬิกาจับเวลา interval timer เวิร์คเอาท์แต่ละวันไม่ซ้ำกัน ทำเสร็จภายในครึ่งช.ม. น่าลองมากๆ ตัดใจสินลองทำ

Push ups หรือวิดพื้น ตอนที่เริ่มออกกำลังกายนี่ ทำไม่ได้เลยสักครั้ง โดดแป๊ปๆก็เหนื่อยแฮ่กๆๆ  แต่เราไม่ย่อท้อนะคะ กัดฟันสู้ อีกทั้งเราเปลี่ยนพฤติกรรมการกินใหม่ ผ่านไป 2 เดือนเท่านั้น น้ำหนักที่มันเพิ่มขึ้น หายแว้บไปเลย แถมเริ่มมีกล้ามเนื้อให้เห็นนิดๆ กำลังงาม...


มาถึงวันนี้
2 ปีกว่าแล้วที่เริ่มออกกำลังกายจริงจัง ไม่ได้ย่างกรายเข้าไปฟิตเนสเลย เพราะค่าเมมเบอร์มันแพงอ่ะ เวิร์คเอาท์ที่บ้านอย่างเดียว ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ออกได้หมด   อาจจะมีออกนอกลู่นอกทางบ้าง ทานอาหารเน้นสุขภาพมากขึ้น มีพวกไอติม เค้กบ้างไรบ้างแต่ไม่บ่อย เวลาเราได้ดูแลสุขภาพตัวเองแล้ว มันเผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้างด้วยนะ สามี ลูกๆ ลูกเราชอบทานผักผลไม้มากขึ้น ชอบวิ่งเล่น ออกกำลังกายกับเรา  สำหรับตัวเรา การออกกำลังกายมันไม่ได้ให้แค่เปลี่ยนแปลงภายนอกเท่านั้น แต่ทำให้จิตใจเรา สงบมากขึ้น มีความอดทนไม่ย่อท้อ มีวินัยมากขึ้น ทำให้เรารู้จักรักตัวเอง มองข้ามจุดบกพร่อง แต่ให้ความสำคัญของจุดเด่นที่เรามี

รูปนี้คือล่าสุด น้ำหนักประมาณ 120-124 พาวน์ แล้วแต่วันไหนดื่มน้ำเยอะ/ทานเยอะ :)


แอนจึงทำบล็อกนี้ขึ้นมาเผยแพร่ แบ่งปันความรู้ เกร็ดดีๆของการดูแลสุขภาพร่างกาย ไม่ว่า จะเรื่องออกกำลังกาย โภชนาการอาหาร แรงจูงใจ เกร็ดความสวยงามนิดๆหน่อยๆ อยากให้ทุกคนหันมาดูแลตัวเองกันเยอะๆนะคะ อย่าคิดว่า เดี๋ยวก็ได้ เพราะเวลามันไม่รอเราหรอกค่ะ เริ่มซะตั้งแต่วันนี้ ทุกคนมีร่างกายเดียว หัวใจเดียวนะคะ เสียไปก็ซ่อมยาก หรืออาจจะซ่อมไม่ได้เพราะฉะนั้นรักษาดูแลให้ดีๆนะคะ

Follow me on Facebook Click here