วันนี้แอนมีสูตรการทำโยเกิร์ตแบบกรีกมาฝากนะคะ จริงๆโยเกิร์ตแบบกรีกก็เหมือนกับโยเกิร์ตธรรมดานี่ล่ะค่ะเพียงแต่มันจะข้นกว่า และมีโปรตีนมากกว่าเท่าตัว
ปรกติก่อนหน้านี้ แอนจะซื้อกรีกโยเกิร์ตของยี่ห้อ Fage ไม่ก็ Chobani แอนทานแบบ 2% นะคะ ไม่ทานแบบ Fat free รสชาดมันละมุนกว่ากัน แถมไขมันที่อยู่ในโยเกิร์ตนั้นช่วยให้ร่างกายเราดูดซึมแคลเซี่ยมในนมได้ดีกว่า Fat free
ซื้ออาทิตย์ละกระปุกนึงขนาด 32 oz. ตกเกือบ 6 เหรียญแหนะ แพงมากก แถมมันไม่ได้เป็นแบบ organic อีก แอนเลยลองหาวิธีการทำโยเกิร์ตแบบนี้ในอินเตอร์เน็ตดู ก็ได้มาจากที่นี่นะคะHappysimpleliving.com
วิธีการทำไม่ยากเลย อุปกรณ์ก็มีอยู่บ้างแล้วในครัว อาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่ว่าคุ้มกว่าไปซื้อตามร้านนะคะ เพราะนอกจากเราจะเลือกใช้นมแบบ organic ราคากล่องนึงก็แค่ 3.59 เหรียญ หรืออาจจะน้อยกว่าถ้าซื้อแบรนด์วอลมาร์ท ทาร์เก็ต ประหยัดตังค์ไปเกือบครึ่งแหนะ อีกอย่างแอนว่ามันเปรี้ยวน้อยกว่าที่ซื้อเค้าอีก
** เหตุผลที่เลือกนมแบบ organic ก็เพราะว่า แม่วัวไม่ได้ถูกฉีดฮอร์โมน หรือให้ antibiotics ถ้าใช้นมแบบธรรมดา ควรจะเลือกเป็นแบบ Pasteurized แทนแบบ Ultra-Pasteurized นะคะ เพราะโยเกิร์ตที่ได้จะไม่เป็น curd หรือเป็นลิ่มๆ**
นี่เป็นอุปกรณ์ที่เราจะใช้ทำโยเกิร์ตนะคะ
1. นมสดแบบจืด ครึ่งแกลลอน แอนเลือก 2%
2. ปรอทวัดอุณหภูมิแบบ candy thermometer แอนซื้อมาวอลมาร์ท ราคา $3 นิดๆ
3. หม้อขนาดย่อม(ลืมเอาเข้าฉาก)
4. โยเกิร์ตรสจืด 2 ช้อนโต๊ะ เป็นตัว starter
5. Cheesecloth ซื้อจากทาร์เก็ตนะคะ $2 นิดๆ เอามาใช้ได้อีกหลายครั้ง
6.กระปุกไว้ใส่โยเกิร์ตที่ทำเสร็จ แอนเอากระปุกเก่าๆนี่ล่ะค่ะมาใช้อีก ช่วยลดขยะ :)
7. วนิลา เพื่อกลิ่น ไม่ใส่ก็ได้นะคะ
8. หม้อหรือถาดที่เรียกว่า casserole มีฝาปิด ถ้าไม่มีฝา ใช้อลูมีเนียมฟอยล์ปิดได้ค่ะ
9. ตะแกรงตาถี่
10. ผ้าขนหนู
วิธีทำ1. เริ่มต้นโดยเอานมใส่หม้อนะคะ ** อย่าเทหมด แบ่งนมไว้ 2 ช้อนโต๊ะ**ตั้งไฟกลาง เอาปรอทเหน็บไว้ที่ข้างหม้อแบบนี้ คนเป็นระยะ เพื่อที่ว่า นมจะไม่ไหม้ติดที่ก้นหม้อ
3. คอยเช็คดูอุณหภูมิ เมื่อวัดได้ 180 F (ลืมถ่ายรูปตรงนี้มา) ให้ยกลงจากเตา เทใส่ชามอีกใบ เพื่อที่ว่าจะลดความร้อนได้ไวขึ้น
4. รอให้นมอุณหภูมิลดลงเหลือประมาณ 105 F-110 F ตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ ครึ่งช.ม.ถึง 50 นาที แล้วแต่ ระหว่างรอ ให้เปิดเตาอบวอร์มรอนะคะ วอร์มที่อุณหภูมิต่ำสุด เตาแอนอยู่ที่ 170 F
5. เมื่อนมอุณหภูมิลดลงได้ที่ 110 F แล้ว ***ให้เอาโยเกิร์ตกับนมที่เราผสมไว้เมื่อกี๊นี้ ใส่ในนม คนให้เข้ากันดี สำคัญมากๆนะคะขั้นตอนนี้ อย่าลืม เดี๋ยวจะได้ไม่โยเกิร์ต***
6. เทใส่หม้อ/ถาด casserole เอาฝาผิด(ถ้าไม่มีฝา ก็ใช้ฟอยล์หุ้มปิดให้รอบๆ) เอาผ้าขนหนูห่ออีกที แล้วเอาเข้าเตาอบ
7. ปิดเตาอบที่วอร์มไว้ แล้วเปิดไฟในเตาอบทิ้งไว้เพื่อให้อุณหภูมิอุ่นคงที่ตลอด ทิ้งไว้แบบนี้ 7-8 ช.ม. แอนทำตอนก่อนเข้านอน แล้วทิ้งไว้ทั้งคืน
ตื่นเช้ามาก็จะได้แบบนี้
เช็คดูนะคะว่า มันข้นหรือปล่าว ถ้าไม่ข้น วอร์มเตา แล้วเอาหม้อโยเกิร์ต(ปิดฝา ห่อผ้าขนหนูด้วยนะคะ) เข้าเตา อีกช.ม.นึง ค่อยเช็คอีกที
8. สำหรับโยเกิร์ตธรรมดา ก็ให้คนๆ เอาไปแช่เย็น อาจจะเทน้ำออกนิดหน่อยนะคะ ส่วนโยเกิร์ตแบบกรีก เอาโยเกิร์ตไปแช่ตู้เย็น 2-3 ช.ม. เพื่อที่จะได้ข้นขึ้นอีกนิด แล้วเอา cheesecloth ที่พับทบกัน 4 ทบ วางบนตะแกรงแบบนี้ แล้วหาชามใบใหญ่ๆรองอีกที
9. เทโยเกิร์ตลงบน cheesecloth เสร็จแล้ว เอาแช่ตู้เย็น 1 ช.ม. ผ่านไป เทของเหลวในชามทิ้ง แล้วเอาตะแกรงวางบนชามเพื่อกรองอีกครั้ง เอาเข้าตู้เย็นอีก 1 รอบ เสร็จแล้วค่ะโยเกิร์ตโฮมเมดของเรา
เอาใส่กระปุกแช่เย็นเก็บไว้ได้ถึง 1 อาทิตย์ ถ้าใครชอบกลิ่นวนิลา จะใส่เพิ่มไปตอนนี้ก็ได้นะคะ
แอนทานกับ โฮมเมดกราโนล่า Salty-Sweet Cherry Almond Granola ทำเองอีกเช่นกัน ไว้จะลงสูตรให้นะคะ น้ำตาลน้อยกว่า ไม่มีสารเคมีเจือปนเหมือนกับซื้อกล่องๆ
อ้อ...อย่าลืมเซฟโยเกิร์ตไว้ 2 ช้อนโต๊ะด้วยนะคะ เพื่อเก็บเป็น starter ให้กับการทำโยเกิร์ตเราครั้งหน้า
Enjoy Drop Dead Healthy Homemade Greek-Style Yogurt :)
แอน
ถ้าอยู่ที่ไทย เอาตั้งทิ้งไว้ด้านนอกแทนได้ไหมคะ รู้สึกว่าุ้ถ้าต้องทำกินเองทุกอาทิตย์เปิดเตาอบไว้นานขนาดนั้นจะเปลืองค่าไฟ ไม่คุ้มค่าโยเกิร์ตน่ะค่ะ รบกวนด้วยนะคะ ชอบกินโชบานีเหมือนกันค่ะ
ReplyDeleteคิดว่าได้นะคะ เพราะอ่านเจอว่า คนทำเคยลองเอาไปไว้ในรถที่จอดนอกบ้าน ที่นี่หน้าร้อนก็ร้อนมากๆ ได้โยเกิร์ตออกมาเหมือนกัน
ReplyDeleteห่อไว้ในครัวอากาศธรรมดา 8 ชั่วโมง ก็ได้ ห่มผ้าหนา
ReplyDeleteลองทำดูแล้วค่ะ เจ้ากรีกโยเกิร์ตออกมาครีมมี่ได้ใจจริงๆ เนื้อโยเกิร์ตคล้ายๆไอศครีมมากกว่าโยเกิร์ต เข้าใจว่าไขมันและโปรตีนเยอะกว่าโยเกิร์ตธรรมดาแน่นอน แคลอรี่คงสูงกว่าด้วย แต่รสชาติอร่อยชนิดลืมโยเกิร์ตขนมหวานที่ขายตามซุปเปอร์มาเก็ตไปเลยค่ะ
ReplyDeleteถ้าไม่อยากเปรี้ยวมากก็ทิ้งไว้แค่4-6 ชั่วโมง รสชาติจะออกมันๆมากกว่าเปรี้ยว ขอบคุณนะคะที่แนะนำวิธีการทำ ต่อไปคงไม่ซื้อโยเกิร์ตอีกแล้วคงทำกินเองตลอด เพราะราคาคุ้มกว่าด้วยค่ะ :)