วันนี้แอนมีสูตรขนมเค้กเพื่อสุขภาพ เพื่อกล้ามงามๆของสาวๆหนุ่มๆ มาฝากชาวเพจ เป็นเค้กฟักทอง
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า
1. เค้กฟักทองเนี่ย มันเป็นรสชาดแบบอเมริกันนะ ประมาณพายฟักทองที่ คนที่นี่ทานกันในช่วง Thanksgiving หากใครไม่ชอบกลิ่นอบเชย หรือลูกจันทน์ (Netmeg) มาก ก็ลดปริมาณลง หรือตัดออกไปเลยก็ได้ค่ะ แล้วใส่วนิลาแทน
2. แอนใช้ฟักทองกระป๋อง ซึ่งหาได้ง่ายมากตามซุปเปอร์ที่นี่ (สีส้มนะ ไม่เหมือนฟักทองบ้านเรา สีเหลือง) ถ้าคนที่อยู่เมืองไทย เอาฟักทองบ้านเรามานึ่ง แล้วบดให้ละเอียด ใส่น้ำนิดหน่อยนะคะ จะได้ไม่ข้นเกิน
ส่วนผสม
โอ๊ตมีล 2 ถ้วยตวง
Stevia แบบสำหรับอบขนม 1/2 ถ้วย
อบเชยป่น 2 ช้อนชา
ขิงป่นแห้ง 1 ช้อนชา
ลูกจันทน์ป่น Ground nutmeg 1/2 ช้อนชา
Clove ป่น(หรือกานพลูป่น) 1/4 ช้อนชา
ผงฟู 1 ช้อนชา
เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
เวย์โปรตีนรสวนิลา 2 สกู๊ป
ไข่ 2 ฟอง หรือ ไข่ขาว 4 ฟอง
นมอัลมอนด์หรือนมอื่นๆ 1/2 ถ้วย
ฟักทองนึง หรือฟักทองกระป๋อง 1 ถ้วย
กล้วยหอมสุกบด 1 ลูก
ถั่ววอลนัท หรือพีแคน สับหยาบ 1/2 ถ้วย(ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
ขาดกล้วยหอมไปในรูป |
หน้าตา Stevia ที่ใช้ทำขนมอบ
|
วิธีทำ
วอร์มเตาอบไว้ที่ 350 Fเอาน้ำมันมะพร้าวนิดหน่อย ทาถาดอบ 13x9 หรือใครจะใช้ถาดมัฟฟิ่นก็ได้เช่นกัน
1. นำโอ๊ตมีลไปปั่นในเครื่องปั่นอาหาร food processor ปั่นให้ละเอียดแบบในรูป แล้วเทใส่ชามผสมใบโต ตามด้วย เกลือ,อบเชยป่น,ขิงป่น,ลูกจันทน์ป่น,ผงฟู,เบคกิ้งโซดา,เกลือ, Stevia และเวย์โปรตีน เอาส้อมคนให้เข้ากัน
** ถ้าใครใช้แป้งโฮลวีท ก็ได้นะคะ แค่ปริมาณคาร์บจะสูงเพิ่มขึ้นเท่าตัว**
แล้วเทลงในส่วนของแห้ง โรยถั่ววอลนัท/พีแคน(ถ้าใส่) เอาพายยางคนให้เข้ากันดี
3. เทส่วนผสมลงในถาดที่เตรียมไว้แล้ว ปาดหน้าให้เรียบเท่ากัน เอาเข้าเตาอบ อบประมาณ 25-30 นาที หรือเมื่อเอาไม้จิ้มฟัน จิ้มที่กลางเค้ก แล้วไม้จิ้มฟันสะอาด ไม่มีเค้กติดมา...เป็นอันใช้ได้ค่ะ
สุกแล้ว กลิ่นหอมอบอวลทั่วบ้านเลย |
ราดน้ำผึ้งให้หน้าเค้กมันฉ่ำๆนิดนึง(แอนเอาส้อมจุ่มโหลน้ำผึ้ง แล้วราดๆให้เป็นสายๆบนหน้าเค้ก) เนื้อเค้กจะนิ่มๆ กลิ่นเหมือนพายฟักทอง ไม่หวานมาก เหมาะสำหรับเป็นของว่างระหว่างมื้อ หรือเวลาอยากกินของหวานๆค่ะ พอทดแทนได้ ไม่ต้องอด ไม่ต้องรอถึงช่วง Thanksgiving ก็ได้ lol
วิธีเก็บรักษา เค้กแบบนี้ สามารถเก็บใส่ทัปเปอแวร์มีฝาปิด ใส่ตู้เย็น ได้ 1 อาทิตย์ หรือแช่ช่องฟรีซ เก็บไว้ได้ 1 เดือน ไม่แนะนำให้วางไว้ที่อุณหภูมิห้องนะคะ เพราะไม่เราไม่ได้ใส่พวกสารกันบูด ราขึ้นง่ายมาก เดี๋ยวจะเสียของอร่อยๆ :)
Enjoy healthy eating!!
แอน
ติดตามอัพเดทของบล็อกได้ทาง Drop Dead Healthy Facebook Page
No comments:
Post a Comment