Pages

Wednesday, July 25, 2012

Success Story ของพี่แอนน์ ClayAnn



สวัสดีค่ะชาวบล็อก Drop Dead Healthy

ขอโทษด้วยนะคะที่ห่างหายไปนานนนน เพราะแล็ปท็อปโดนไวรัสลง คุณผู้ชายที่บ้านก็ไม่ว่างซ่อมให้ซะที ไอ้เราจะซ่อมเอง ก็บอกโนๆ เดี๋ยวไอทำเอง กลัวทำแล็ปท็อปเจ๊งว่างั้น ก็เป่าหูทุกวัน ไม่ได้อัพบล็อกเลยเนี่ย แฟนคลับรอแย่ โฮะๆ ได้ผลคร้า(หรืออาจจะเพราะรำคาญฟังภรรยาบ่นทุกวัน ฮา )

วันนี้แอนมี ประสบการณ์ การลดน้ำหนักของพี่แอนน์ มาฝากให้อ่านนะคะ เนื่องจากพี่แอนน์ได้โพส progress ของตัวเองในที่เฟสบุ๊ค แอนเห็นรูปแล้วทึ่ง ยกย่องในความพยายาม ความตั้งใจ เลยขอให้พี่เค้าช่วงเขียนเล่าประสบการณ์ให้ฟัง เผื่อหลายๆคนที่กำลังพยายามลดน้ำหนักอยู่ อ่านเรื่องพี่แอนน์แล้วจะได้ข้อคิด และเกิดแรงบันดาลใจอีกหลายๆๆฮึด  :)
จุดเริ่มต้น

เริ่ม จากที่เสื้อผ้ามันเริ่มคับมากสุดขีด ถึงขั้นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ละนะ  แหวนแต่งงานก็คับ ความรู้สึกก็ไม่ค่อยกระฉับกระเฉง ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็วกไปวนมาอยู่แค่เนี๊ยะ แม้จะออกกำลังกายบ้าง มันบวกกับเรื่องงาน หาไม่ได้ดั่งที่ต้องการ มันก็สุขเพลิน เกินไปหน่อย ครั้งก็เป็นครั้งที่นับไม่ได้

                              


แล้วทีนี้ก็เริ่มหาข้อมูล อ่านสิ่งเดิมๆที่เคยอ่านมาแต่ลืมไปแล้ว อ่านแรงจูงใจ หาแรงผลักดันว่างั้นเหอะ เบื่อการกระทำเก่าๆ ก็เลยไปเจอเข้ากับรูปของแอน drop death healthy เข้า เห็นรูปที่บล๊อคบอดี้ร๊อคแล้วแบบว่า โห..ทำได้ไงอ่ะ แล้วมาเห็นสูตรอาหาร เกิดความสนใจขึ้นมาว่า เออ..เข้าท่าแฮะ ได้กินนู่นนี่ตลอดเลย บวกกับคุยกับเพื่อนๆบางส่วนเรื่องนี้อยู่ เขาดูแลสุขภาพกัน ฟังไปฟังมา คุยไปคุยมา เริ่มอินตามคับ อิๆ(แรงจูงใจอย่างแรงอีกอันคือ เจนี่ เทียนฯค่ะ สนใจการออกกำลังกายและตั้งใจจริงของเค้า เห็นแล้วมันทำให้เราฮึดสู้)



พอสร้างความรู้สึกได้ การเริ่มต้นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง! 
น้ำหนักสูงสุด Apr 3, 2012   161 lbs หรือ 73.18 kgs

ทำยังงัยถึงสามารถมาถึงจุดนี้ได้

พอเริ่มต้นได้ ก็เป็นนิมิตรหมายที่ดี แรงใจมาก็เข้าสู่ระบบชีวิตที่
เลือกใหม่เลย

ขั้น แรกเลยเนี่ย เริ่มจากอาหารก่อน ต้องบอกว่าสำหรับตัวเองเนี่ย เริ่มจากการนับแคลอรี่คร่าวๆและว่างๆก็หาความรู้ด้านอาหาร พืชผัก ผลไม้ต่างๆ ไม่ได้นั่งนับเอาเป็นเอาตายนะคะ แต่พยายามอ่านและฝึกตัวเองให้รู้พอคร่าวๆ เพราะจริงๆแล้ว อาหารบางอย่างไม่ได้นึกว่ามันจะแคลอรี่สูง ไม่มีประโยชน์มากในด้านการควบคุมน้ำหนักและสุขภาพ หรือแม้แต่ความกลัวอ้วนในอาหารต่างๆที่ผ่านมา  เพื่อนแต่ละคนก็โพสและคุยกัน เล่าให้กันฟังตลอดว่า อันไหนดี ไม่ดี ยังงัย แล้วก็เลยเริ่มการครีเอทเมนูขึ้นมาเพราะเริ่มสนุกกับการหาและทำอาหารที่เรา กินได้ปริมาณเท่าเดิม แต่เปลี่ยนมาเลือกสิ่งที่ดี และเริ่มจำว่าประเภทไหน ใช้อะไรแทนได้ พอสนุกกับการดัดแปลงอาหาร มันก็เอนจอยกับการกิน ไม่ฝืนกิน บวกกับพอรู้ว่าไอ้นู่นไอ้นั่นดี ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปทางบวกกับผักผลไม้ และไขมันชนิดดี แป้งชนิดดี ต่างๆเหล่านั้น



แล้วพอวันนึง ครีเอทเมนูได้หลายอย่าง อย่างสนุกสนานก็เกิดความกล้าที่จะลองน้ำปั่นผักผสมผลไม้ ลองเมนูใหม่ๆ ความตื่นเต้นกับอาหารมันก็เลยทำให้สนุกที่จะกิน เพราะแรกๆเราอ่านแคลอรี่ อ่าน nutritions ก็เริ่มมั่นใจว่ากินไอ้นี่ได้มากเท่าไหร่ดี ตอนนี้ไม่ได้นับแคลอรี่แล้ว เพราะว่าเริ่มจำและชินกับการทำอาหารว่าปริมาณเท่าไรดีแล้ว สรุปว่า.. อาหารหลากหลาย มันก็ทำให้ไม่เบื่อ สนุกที่จะกิน และก็กินๆๆๆ ไม่มีการอด แถมยังกิน 4-5 มื้อเลยทีเดียวเชียว สุขไม๊ล่ะเนอะ?


การ อ่าน การหาข้อมูลมันมีส่วนมากมาย ไม่ได้หาอย่างเอาเป็นเอาตาย เราอ่านแบบว่าเหมือนเราซื้อนิตยสารมาอ่านเล่นๆ ไรงี้นะ(แต่ไม่ได้ซื้อ หาเอาตามเนท อิๆๆ) แล้วก็จะเกิดกำลังใจ สิ่งจูงใจ แรงผลักดัน ทุกอย่างอยู่ที่เราคนเดียวเท่านั้นที่จะสร้างขึ้นมาได้ เริ่มได้ ความมั่นใจมันจะมาเอง และสิ่งสำคัญอันสุดท้าย ณ จุดนี้คือ...ลงมือทำ!!! 


แล้วมันก็เลยเดินมาถึงจุดนี้...ได้

เรียนรู้อะไรบ้างจากประสบการณ์


จากประสบการณ์ที่ผ่านมา


ตอนอายุรุ่นๆ .. เคยกินยาถ่ายอ่อนๆ ไม่เคยคิดอ่าน หาข้อมูลอะไร ก็เข้าใจผิดๆตลอดมาตอนนั้น แต่ครั้งเดียว วิธีนี้ไม่เวิร์คแต่แรกเลย เพราะบังเอิญแอนน์เป็นคนที่เจ็
บท้องแล้วอาจหน้ามืดได้ เพราะมันเป็นมาหลายทีด้วยอาการประจำส่วนตัว ก็จะปัดผ่านไปเลย แถมความที่ชอบอ่าน ก็ยิ่งรู้ข้อมูลอีกว่าการกินยาถ่ายเบาๆ หรือชาลดความอ้วนต่างๆนาๆ มันไม่ดีต่อลำไส้ใหญ่เสียเลย มันผิดธรรมชาติ มีแต่เสียกับเสีย เรื่องล้วงคอนี่ไม่เคยเห็นด้วยแต่แรก แต่เห็นคนทำกันบ้างเหมือนกัน ไม่ไหวค่ะ ทำร้ายร่างกายทั้งนั้น


ส่วนวัยทำงานอายุยังรุ่นๆเหมือนกัน.. ก็เคยกินยาลดความอ้วนค่ะ สรรพคุณว่าดีงู๊นงี้ แต่สุดท้ายมันก็ลงท้ายด้วย เออ..ว่ะ เสียเงินไปเฉยๆนี่นา กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิม และบางครั้ง ..ยิ่งกว่าเดิม!! แถมอาการข้างเคียงนี่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือปล่าว แถมกินแล้วปากอาจมีกลิ่น เพราะมันทำให้อยากดื่มน้ำบ่อยๆ กระเพาะเราจะเป็นไรป่าวว๊า สุดท้ายก็เลิกกิน(ดีที่กินไม่นานนะคะ เพราะเคยได้ยินบางคนกินเป็นชีวิตประจำวันเลย ไม่ไหวค่ะ หุๆๆ ไม่เห็นด้วยกับการกินยาเสียเงินแบบนี้เลยค่ะ) ซึ่งพอเลิกได้ปีสองปี ก็เริ่มได้ข่าวว่าคนนู๊นกินยาแล้วตาย หรืองัยเนี่ยแหละ จำไม่ค่อยได้ ก็เลยซึ้งกับตัวเองที่เลิกได้ ประการที่สำคัญที่สุดก็คือ"เงิน"ค่ะ หุๆๆ มันดูยังงัยไม่รู้นะ กินเข้าไปก็จ่ายเงินกินซะเยอะ จะเอามันตัวเองออก เรายังต้องเอาเงินไปให้เขาเอาออกให้อีก ไม่ไหวค่ะไม่ไหว  เรื่องผ่าตัดนู่น นี่ ไม่เคยมีอยู่ในสมอง เพราะกลัว ฮี่ๆๆๆ  แค่ยานี่ก็เกินพอละ  อ่อ..ยาลดความอ้วนเนี่ย สมัยสิบเอ็ดปีที่แล้วที่มาอยู่เมกาเนี่ย สั่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาเลยนะคะ เป็นไงล่ะ เสียเงินหลายเด้งเลย มีแต่เสียกับเสีย สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์


ดังนั้น เรียนรู้แล้วว่าที่ผ่านมา เสียเงินฟรี ฮ่าๆๆ คิดย้อนหลังกลับไปนะ เอาเงินพวกนั้นไปซื้อเทป ซื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซื้อเสื้อผ้า ของแต่งตัวอย่างที่หญิงๆชอบกันได้เยอะโขเลยค่ะ สาวๆ


สุด ท้ายมาเจอพี่เคลย์ คนนี้ออกกำลังกาย ทีนี้ถึงจุดเปลี่ยน เริ่มมาเรียนรู้การออกกำลังกาย เห็นพี่เคลย์ทำ ก็เริ่มอ่านในเนท แล้วก็เริ่มทำ โดยมีเทปแรกในชีวิตที่โทรไปซื้อเองเชียวนะ slim in 6 with Debby Seiber ซึ่งยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ รวมเวลาเบ็ดเสร็จร่วมสิบปีเชียว


พอ เริ่มออกกำลังกายและทำงานไปด้วย ก็เลยไม่วายที่จะมีช่วงอ้วน ช่วงผอม ซึ่งแล้วแต่จุดเปลี่ยนของชีวิต ย้ายบ้าน หางาน ตกงาน ได้งาน ตกงานอีก บวกกับอาหารการกินของใหม่ เมืองใหม่ เป็นแม่บ้านเต็มตัว ทำกับข้าวอย่างเมามันส์ หนำซ้ำเป็นคนที่ทำแล้วกินเก่งสุดๆ ชอบแต่อาหารอ้วนๆ ของหวานยิ่งตัวดีเลยชอบมาก จนสามีเรียก"ควีนออฟของหวาน"เลยนะ  ทั้งหมดที่ว่ามา มันเป็นภาวะความเครียด ไปๆมาๆ หาตัวเองไม่เจอ ลืมตัวเมื่อเครียด แล้วก็กิน อ้วนแล้วก็ขี้เกียจ แล้วมันก็วกกลับมาที่เดิม คือ..น้ำหนักเกินจนเสื้อผ้าคับครั้งที่นับไม่ถ้วน เฮ้อ!!


ที่เล่าประสบการณ์บางส่วนให้ฟังก่อน เพราะจะบอกว่าเรียนรู้อะไรบ้างจากประสบการณ์เนี่ยแหละค่ะ ว่า"ที่ผ่านมาทั้งหมดทั้งมวล อยู่ที่ตัวเราเองทั้งหมด" ค่ะ ทำอะไรที่ผิดธรรมชาติร่างกายไป ก็คือเราทำร้ายตัวเราเองทั้งนั้น ซึ้งแล้วว่าเราควรปรับนิสัยเราต่างหาก ถึงจะทำได้ตลอดไป ซึ่งตรงนี้ เป็นสิ่งที่ยากมากเหมือนกัน ตัวแอนน์เองก็จะพยายามทำมันให้ดีที่สุดในทุกๆวัน ไม่อยากสัญญาอะไรกับตัวเองอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาพูดแล้ว กลืนน้ำลายตัวเองหลายทีแล้ว เอาเป็นว่าทำมันให้ดีทีสุดดีกว่า ไม่มีอะไรกดดัน จะได้มีความสุขกับมันเนอะ ^^




ณ วันนี้
                                   

น้ำหนัก ณ วันนี้ June 27, 2012 144 lbs หรือ 65.45 kgs


ทั่ว ไป...เวลาคนสนิทหลายคนแถวนี้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเขาคิดจะหาตัวช่วยมาลดน้ำหนักและไขมัน แอนน์ก็เลยเล่าได้อย่างภูมิใจว่า ชั้นไม่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์ไรเลย อาหารที่ชั้นกินทุกวัน จ่ายตังค์พอๆกันกับทุกๆวัน ชั้นแค่เลือกกินมันแค่นั้นเอง ชั้นได้กำไรอีกต่างหาก ตรงที่ชั้นมีสุขภาพที่ดีขึ้น สบายท้องไม่ต้องซื้อกากใยอะไรมากินเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว แถมยังน้ำหนักค่อยๆลดลงไปอีกต่างหาก แล้วมันยังแปลกด้วยนะที่การออกกำลังกายทำให้อารมณ์ดีขึ้น อันนี้รู้สึกกับตัวเองจริงๆค่ะ


ตัวเอง...ครั้งนี้จบลงด้วย การลดแบบไม่เครียดเหมือนก่อนๆ ไม่ขนขวายหาตัวช่วย แต่ใช้วิธีปรับนิสัยการกินอาหารแทน จากแรกๆจะเกือบท้อว่าทำไมไม่ลดซะที จนเวลาผ่านไป ขี้เกียจยุ่งกะมัน กินแบบที่แอนน์เรียกว่าดีๆเนี่ยเป็นชีวิตประจำวันไปเลย และบอกตัวเอง ชั้นจะทำแบบนี้แหละตลอดชีวิต แล้วพอลืมมันไปสักพัก ไม่กี่วันก่อนที่บ้านจะมีการาจเซล เลยไปเลือกเอาเสื้อผ้าที่คิดว่าใส่ไม่ได้มาหลายปีแล้ว เลือกไปขายซะ มันนอนอยู่ในตู้จะผุเอา ก็เลยเอาเสื้อผ้าออกมากองเต็มห้อง เลือกกันทีละตัวเลยทีเดียว ปรากฎว่า ใส่เสื้อผ้าที่เคยซื้อไว้และหวังว่าสักวันจะใส่ได้ ซึ่งบางตัวไม่เคยใส่ได้มานานกว่าห้าปีเลยทีเดียว วันนี้ใส่มันได้ ก็เลยจับกล้องขึ้นมาถ่ายรูปลองดูว่าไปถึงไหน เพราะไม่ได้ถ่ายจริงจัง เพราะคิดว่ามันยังไม่ลดไปถึงไหน ตัวเราเองไม่รู้ตัวไง แต่พอถ่ายรูปออกมาเทียบดู โห..เปลี่ยนไปจริงๆด้วยอ่ะ  ตอนนี้ใส่เสื้อผ้ามั่นใจขึ้นกว่าเดิมหน่อยนึง และสุดท้ายคือ ประหยัดเงินในทุกๆทางจริงๆ อาหารก็ซื้อราคาเดิมๆ แถมยังไม่ต้องเสียเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ ได้เสื้อผ้าที่มีอยู่ใส่ได้อีกทีแล้ว  เพราะฉะนั้น อย่าไปเครียดกะเวลามากค่ะ ปล่อยๆมันไป กินดี ทำดีไปทุกๆวัน ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างถูกต้อง แล้วผลก็จะมาเองค่ะ


ถือว่าวันนี้สำเร็จไประดับนึงค่ะ ^^

อาหาร
กินทุกอย่างเหมือนครอบครัวเวลาไปไหนมาไหนกะเค้า แต่อยู่บ้านคนเดียวก็เลือกกินแป้ง ดี ไขมันชนิดดี เน้นผักทุกมื้อ ผลไม้ระหว่างมื้อ บางทีก็แครกเกอร์ ชีส กะผลไม้ ตอนเย็นเน้นผักต้ม เนื้อต่างๆเท่าฝ่ามือ ตัดมันออกให้มากที่สุด สลัดใหญ่ใส่เนื้อบ้าง ไม่ใส่บ้าง บางทีก็ใส่ไข่ บางทีก็ทำสมูตตี้ผักผลไม้แก้วใหญ่ดื่มแทนอาหารเย็น เพราะบางทีออกกำลังกายค่ำไปหน่อยก็จะเป็นแก้วเดียวแทนมื้อเย็นกับอาหารหลังออกกำลังกายที่ใส่กรีกโยเกิร์ต สิ่งต่างๆที่มีคุณค่าสำหรับกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย วันไหนที่ไปกินกะครอบครัว พยายามไม่ลืมตัวกินเยอะเกินไป ถ้าวันไหนกินเยอะหน่อย ก็พยายามมื้อต่อไปเรียกตัวเองกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการทานให้พอดี

ออกกำลังกาย
อันนี้คงแล้วแต่ครอบครัวใครอ่ะเนอะ ที่บ้านเนี่ยหน้าร้อนพี่เคลย์เขา ชอบไปวิ่งที่พาร์ค แอนน์ก็จะไปเป็นเพื่อนกัน เหมือนเป็นกิจกรรมครอบครัว แต่เราแค่จ๊อกเบาๆ ราวๆ สามไมล์โดยรวม หรือไม่ก็ทำบอดี้เวทระหว่างรอพี่เคลย์วิ่ง ถ้าวันไหนร้อนจนไม่ไหวแล้วนะ ส่วนวันที่เราไม่ได้ไปวิ่ง แอนน์ก็จะออกกำลังกายกับเทป ซึ่งมันจะคล้ายๆกันกับบอดี้ร๊อคของแอน ซึ่งเขาพาเราเริ่มตั้งแต่วอร์มอัพ แล้วก็เต้นออกกำลังกายออกแนวๆคิ๊กบ๊อก ซิ่ง เสร็จคาดิโอ เขาก็ต่อด้วยเวท แล้วก็พวก pilates โยคะ คูลดาวน์ ใน 45-60 นาที แล้วแต่เทปที่แอนน์เลือก สลับกันไปตามอารมณ์กับปั่นจักรยาน(มีเครื่องที่บ้าน) อิลิปติคอล Wii Sport, dance หรือไม่ก็ไปดูหลานตีกอล์ฟก็ใช้วิธีเดินเอา ไม่นั่งรถกอล์ฟ พยายามห่างเนทนิดนึง เอาเวลามาแบ่งให้การออกกำลังกาย โดยเฉลี่ยแล้วแอนน์ออกกำลังกายประมาณ 5 วันต่อสัปดาห์ พักวันสองวัน คือพูดง่ายๆ แล้วแต่กิจกรรมครอบครัวอ่ะค่ะ








หายไปทั้งหมด 17 lbs หรือเกือบๆ 8 กก. ราวๆ 4 เดือน
ตั้งใจจะลดให้เหลือ 130 lbs หรือ 59 กก. ในเป้าหมายหลักอันแรกค่ะ
เพราะเป้าหมายหลักที่สองนี่ท่าจะยาว มันจะท้อซะก่อน หุๆ อยากหนักซัก 120-126 lbs ราวๆนี้อ่ะค่ะ หรือไม่เกิน 57 กก.

*ขอขอบคุณที่แอนน์มากนะคะที่สละเวลาเขียนประสบการณ์มาแบ่งปันกัน การลดน้ำหนักจริงๆนั้น ไม่ยากอย่างที่คิด ทุกอย่างอยู่ที่ใจ และการตัดสินใจทำ ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ถือว่ามันเป็น Journey นะคะ อาจจะมีล้มบ้าง พักบ้าง ก็ให้กำลังใจตัวเองเยอะๆ ล้มแล้วให้ลุกขึ้นเดินต่อจากจุดนั้น ไม่ใช่ว่าเริ่มต้นจากศูนย์ 
ที่สำคัญอยากให้ทุกคนที่ได้อ่านบล็อกนี้คิดว่า การลดน้ำหนัก มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ไม่ใช่จุดสิ้นสุด  น้ำหนักเราลดอย่างพอใจแล้ว แต่อย่าหยุดแค่นั้น เพราะมันจะมีแต่กลับไปสู่เส้นทางเก่าๆ นิสัยการกินเก่าๆ เดินหน้าต่อไป ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่ดีบำรุงสุขภาพของเรานะคะ
ได้อ่านแล้วคิดว่าเป็นประโยชน์กับคนรู้จัก แชร์ต่อๆกันไปได้นะคะ ของดีๆแบบนี้ ไม่หวงห้าม :)

** ถ้าเพื่อนๆมีเรื่องราว ประสบการณ์แบบนี้ อยากแบ่งปันเพื่อเป็นความรู้ให้ผู้อื่น สามารถส่งมาได้ที่อีเมล์นี้นะคะ dropdeadhealthy@yahoo.com แล้วแอนจะนำเรื่องลงที่บล็อก


ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ
แอน

ติดตามอัพเดทของบล็อกได้ทาง Drop Dead Healthy Facebook Page


No comments:

Post a Comment